เมืองมาดริด สเปน (Madrid) เชื่อว่าหากเอ่ยถึงสาขานี้เมื่อไหร่ก็ต้องนึกถึงทีมฟุตบอลระดับเทพอย่าง “เรอัล มาดริด” อย่างแน่นอน เพราะจริงๆ แล้วเมืองนี้ไม่ได้มีแค่ฟุตบอลเท่านั้น หากเป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสเปน สถานที่ท่องเที่ยวถูกบรรจุในหลากหลายรูปแบบ จะสายประวัติศาสตร์ แฟนบอล นักช้อป หรือนักเสพงานศิลปะก็ครบ เรียกได้ว่ามาสเปนทั้งทีไม่ได้ไปมาดริดจริงๆ
เมืองมาดริด สเปน พิพิธภัณฑ์ทิสเซน-บอร์เนอมิสซา
เมืองมาดริด สเปน พิพิธภัณฑ์ Thyssen-Bornemisza เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ คอลเลกชันศิลปะที่รู้จักกันดี ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ปราโด บนถนนสายหลักของกรุงมาดริด เป็นหนึ่งในสามพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ ได้แก่ Prado, Reina Sofia และที่นี่มักเรียกกันว่า “สามเหลี่ยมทองคำแห่งศิลปะ”
นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1920 โดย Heinrich, Baron Thyssen-Bornemisza de Kaszon กับคอลเลคชันงานศิลปะส่วนตัว นี่คือผลงานในยุคที่เศรษฐกิจถดถอย ก่อนหน้านี้ไม่ได้เก็บงานศิลปะไว้ที่นี่ แต่มันอยู่ในลูกาโน ในมิวนิก แล้วมาที่นี่ และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1992
ผลงานที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ศิลปินชื่อดัง ได้แก่ Peter Paul Rubens , Venus และ Cupid ถือกระจก, ภาพเหมือนของ Giovanna Tornabuoni ของ Domenico Ghirlandaio ที่แสดงภาพสตรีผู้งามสง่า และสีน้ำมันบนผ้าใบโดย Giambattista Pittoni ซึ่งเป็นภาพเหมือนของครอบครัวที่มีรายละเอียดงดงาม รวมทั้งภาพอื่นๆตามความนิยมในสมัยนั้น
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ไม่มี สถาปัตยกรรม ที่โดดเด่น เป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีหน้าต่างและระเบียงเป็นส่วนๆ มีลานอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนจากพิพิธภัณฑ์ มีสวนและต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา พร้อมม้าหินอ่อนนั่งพักให้ประชาชนนักท่องเที่ยวได้นั่งพัก มีทั้งของสะสมและของสะสมถาวร และจัดนิทรรศการชั่วคราวเป็นครั้งคราวตามกำหนด
นิทรรศการชั่วคราว จะแจ้งให้ทราบว่านิทรรศการใดจะจัดขึ้น เมื่อใด และจำหน่ายบัตรเข้าชมที่ใด ซึ่งก็ดีเพราะ จิตรกรรมศิลปะ ภาพเขียนแต่ละยุคสมัยมีความแตกต่างกันไปตามสมัยนิยม ประชาชนสามารถเลือกเข้าชมเฉพาะผู้สนใจ ว่านิทรรศการภาพจะจัดต่อเนื่องกันประมาณ 3 เดือน จากนั้นจึงค่อยจัดนิทรรศการอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีคอลเลกชันที่สามารถดูได้ฟรี ส่วนใหญ่จะจัดแสดงที่ระเบียงชั้นล่าง แต่ก็มีเวลาจำกัดเช่นกัน
สำหรับคนชอบภาพเก่า ความรู้ด้านประวัติศาสตร์และความหลงใหลในผลงานของศิลปินระดับโลก รวมถึงประติมากรรม นี่คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่น่าสนใจอีกแห่งในมาดริด
พราโดมิวเซียม (Prado National Museum)
Museo Nacional del Prado เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมของสะสมส่วนตัวของราชวงศ์สเปนตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นไป ซึ่งต่อมาได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1785 จากแนวคิดของกษัตริย์คาร์ลอสที่ 3 ซึ่งเริ่มสะสมงานศิลปะตามรสนิยมของเขาเรื่อยมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1819 เมื่อพิพิธภัณฑ์เปิดให้สาธารณชนเข้าชม ภายในพิพิธภัณฑ์มีผลงานศิลปะระดับโลกมากกว่า 20,000 ชิ้น ทั้งภาพพิมพ์ ภาพวาด และประติมากรรม เป็นที่เก็บผลงานของศิลปินชื่อดัง เบลัซเกซ และผลงานของศิลปินต่อไปนี้: ทิเชียน, บอตติเชลลี, รูเบนส์, เฮียโรนิมัส บอช, ดูเรอร์
ภาพวาดที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Las Meninas โดย Belázquez และ Black Paintings โดย Francisco de Goya หรืองานที่มีชื่อเสียงที่เขียนขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สเปนต่อต้านนโปเลียนในปี 1808 ผลงานของ Francisco Goya (ฟรานซิสโก โกยา) จากสงครามอิสรภาพถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ จึงเป็นสถานที่ที่คนรักงานศิลปะไม่ควรพลาด ทั้งวันอาจไม่เพียงพอสำหรับการเพลิดเพลินกับผลงานระดับโลกชิ้นนี้ จิตรกรรมฝาผนังโมซัมบิกและอื่น ๆ อีกมากมายโดยBartolomé Bermejo, Pedro Berruguete, Juan de Juanes หรือ Luis de Morales
ภาพวาดในอดีต ทำให้คนรุ่นหลังได้รับรู้เหตุการณ์ เครื่องแต่งกาย การดำรงชีวิต ความเชื่อของชาวสเปน เป็นวิธีที่ดีในการชมงานศิลปะที่มีภาพวาด 8,600 ภาพและประติมากรรมประมาณ 700 ชิ้น มันจะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแทนที่จะเดินเฉยๆ
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาไม่มากนัก ความสง่างามทางสถาปัตยกรรม ตัวอาคารสีขาวยังคงความสวยงามตามแบบยุโรปยุคเก่า ความอลังการภายในที่เมื่อเข้าไปแล้วเหมือนหลุดไปในภวังค์ ความอลังการ ที่ยังมีความสมบูรณ์ สองข้างทาง มีงานศิลปะลานตา
ที่นี่มีการอนุรักษ์ จัดเป็นห้องๆ และมีการจัดนิทรรศการพิเศษเป็นครั้งคราว อีเลฟเว่นสำหรับผู้ที่หลงใหลในจิตรกรรม วิจิตรศิลป์ ประติมากรรมย้อนยุค ควรได้มาสัมผัสด้วยตาตนเองที่นี่
สนามกีฬาซานเตียโก เบร์นาเบว (EStadio Santiago Bernabeu)
EStadio Santiago Bernabeu เป็นสนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด และเป็นหนึ่งในสนามกีฬาที่มีชื่อเสียงที่สุดในมาดริด ประเทศสเปน เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2487 ในชื่อ Estadio Chamartín เปิดใช้งานจริงในปี พ.ศ. 2490 และเปลี่ยนชื่อเป็น Santiago Bernabéu Yeste (Santiago Bernabéu Yeste) ในปี พ.ศ. 2498 เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานสโมสรในขณะนั้น
เดิมทีสามารถจุผู้ชมได้ 120,000 คน รวมถึงตั๋วยืน แต่ต่อมายูฟ่ามีคำสั่งไม่ให้ยืนในห้อง ในปี 2003 ได้มีการเพิ่มที่นั่งอีก 5,000 ที่นั่ง ทำให้สนามมีทั้งหมด 80,400 ที่นั่ง เอฟเอแชมเปียนส์ลีกเคยใช้ที่นี่เป็นสนามถึง 4 ครั้งในปี 1957, 1969, 1980 และ 2010 จึงไม่แปลกที่ที่นี่จะมี ได้รับการยอมรับว่าเป็นสนามฟุตบอลที่มีชื่อเสียงระดับโลก
นักท่องเที่ยวที่ต้องการชมสนามกีฬารวมถึงพิพิธภัณฑ์ของสโมสร สามารถเข้าชมโถงนักกีฬาได้ทั้งสองแห่ง ศึกษาประวัติของสโมสร ได้เห็นถ้วยรางวัลต่างๆที่เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของสโมสร ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ที่นี่เพื่อสัมผัสสนามพระที่มีผู้เข้าชมปีละกว่า 1,300,000 คน จะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหนก็ได้เห็นห้องล็อกเกอร์ของนักกีฬารุ่นแรกๆ
พร้อมรูปนักกีฬาหน้าตู้ ปรึกษาห้องข่าวที่ทำข่าวกีฬาในสนามแห่งนี้ ดูเหรียญรางวัลของสโมสรที่ผ่านมา และผมได้ดูวิดีโอที่ฉายประวัติของ สโมสรฟุตบอล ที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ นักฟุตบอลชื่อดังทั้งในอดีตและปัจจุบันบนจอขนาด 11 เมตร เยี่ยมชมห้องสำหรับแขก VIP ซื้อของที่ระลึกของสโมสร ฯลฯ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่านี่คือสโมสรที่ดีที่สุดของ ศตวรรษที่ 20 ในประเทศสเปน
เพื่อให้แฟนบอลได้สัมผัสสนามจริง ชื่นชมประวัติศาสตร์และความสำเร็จของสโมสร คุณจะชอบมันและคุณจะไม่อยากพลาดมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีโอกาสมาเชียร์ฟุตบอลที่สนามแห่งนี้ให้เป็นเรื่องราวในชีวิตสักครั้ง มันดีต่อใจ
พลาซ่ามายอร์ (Plaza Mayor)
เมืองมาดริด สเปน Plaza Mayor เป็นลานกว้างที่เป็นจุดเริ่มต้นกิโลเมตรที่ 0 เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ จากกรุงมาดริด ถูกใช้เป็นศูนย์กลางของประชาชน ทั้งในเวลาปกติและวันหยุด จัตุรัสแห่งนี้เริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 16 ในรัชสมัยของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ซึ่งขณะนั้นเป็นตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านมาก จนกระทั่งพระองค์ท่านทรงพยายามเปลี่ยนจากตลาดเป็นลานกว้าง คุณได้รับการต้อนรับด้วยลานหินกรวดที่กว้างขวาง จัตุรัสแห่งนี้สร้างเสร็จในปี 1619 แต่แล้วกลับประสบอุบัติเหตุไฟไหม้ จนต้องบูรณะใหม่ถึง 3 ครั้ง ตามเหตุไฟไหม้หลายครั้ง ในที่สุด ก็กลายเป็นจัตุรัสอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ในปี 1790
แหล่งช็อปปิ้งที่แสดงมาดริดทั้งร้านค้าต่างๆ ศิลปินจัดแสดงผลงานที่นี่ แม้แต่การสู้วัวกระทิงที่เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมการต่อสู้สเปนที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกก็สามารถชมได้ที่นี่ ร้านค้า ร้านกาแฟ แฟชั่น ร้านอาหาร เครื่องดื่มมีทุกสิ่งสำหรับทุกคน
ผู้คนจะมาเคาท์ดาวน์ปีใหม่กันที่นี่ พื้นที่เปิดโล่งของจัตุรัส กว้างขวางจริง ๆ มีอนุสาวรีย์อยู่กลางลานเพียงแห่งเดียว เป็น รูปปั้นของกษัตริย์เฟลิเปที่ 3 ประทับบนหลังม้าขณะทรงเจริญรอยตาม เบื้องหลังคือสถาปัตยกรรมที่สวยงามของจัตุรัส Casa de la Panaderia
รูปปั้นอีกชิ้นในจัตุรัสนี้ที่เป็นสัญลักษณ์เช่นกันคือ รูปปั้นหมีสีดำที่กินผลสตรอว์เบอร์รี เรียกว่า รูปปั้นหมีและต้นสตรอว์เบอร์รี รูปลักษณ์ของอาคาร Casa de la Panaderia ที่ล้อมรอบจัตุรัส มีรูปร่างคล้ายเกือกม้าแต่ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ไม่ใช่รูปโค้งเกือกม้า เป็นอาคาร 4 ชั้น เรียกว่า อาคารเทศบาลและวัฒนธรรม จากชั้น 2 ขึ้นไป ท่านสามารถรับชมช่องต่างๆ หน้าต่างเหมือนกันหมด มีสีต่างกัน ด้านซ้ายและขวาของอาคารมีโดมปลายแหลมหลายอัน
ความเชื่อที่ได้รับการถ่ายทอดคือการเหยียบหลักกิโลเมตรที่ 0 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปครึ่งวงกลม เขียนตามเส้นโค้งว่า ORIGIN OF RADIAL ROADS จะกลับมาที่นี่ในครั้งต่อไป แต่มันถูก? เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง